ทำไมต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ

อากาศในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยมลภาวะ สารก่อมะเร็ง และฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นในบางครั้งบางคราวจนต้องใส่หน้ากากอนามัย N95 เพื่อป้องกันตอนออกนอกอาคาร เพราะ PM 2.5 เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก ทั้งยังเป็นพาหะนำสารพิษ เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย

ที่สำคัญ PM 2.5 และฝุ่นละอองต่างๆ สามารถเล็ดลอดเข้ามาภายในอาคาร หรือบ้านพักอาศัยได้ด้วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจของมนุษย์เมื่อสะสมไปนานๆ รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยอยู่ตลอด แม้แต่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หากอยู่ในสภาวะอากาศที่ไม่ดีก็มีโอกาสจะล้มป่วยได้ง่าย สิ่งเจือปนในอากาศเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ก็สามารถยับยั้งป้องกันได้ด้วย "เครื่องฟอกอากาศ" ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถซื้อมาติดตั้งเองได้ที่บ้านหรือตามสำนักงาน

เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี?
เครื่องฟอกอากาศมีให้เลือกหลายราคาและมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันไป แต่หลักๆ แล้วก็คือการฟอกให้อากาศให้สะอาด เหมาะแก่การหายใจ โดยดักจับและย่อยสลายสิ่งปะปนในอากาศไม่ว่าจะเป็นสิ่งสกปรก เชื้อโรค สารเคมี หรือกลิ่นอับ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดตามมาจากอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ หรือช่วยทุเลาอาการสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจ

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพและทำงานเงียบ ด้วยเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer ที่สามารถยับยั้งเชื้อโรคต่างๆ สารเคมี สารก่อภูมิแพ้และมลภาวะในอากาศโดยการปล่อยประจุพลาสม่าด้วยอิเล็คตรอนความเร็วสูง สามารถฟอกอากาศได้ถึง 6 ขั้นตอน รวมถึงระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion ที่ปล่อยประจุลบออกมาย่อยสลายโปรตีนของเชื้อโรค และยังมีเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่สามารถตรวจจับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ได้อีกด้วย

เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรดี?
1. เลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง
การเลือกเครื่องฟอกอากาศก็คล้ายกับการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ เพราะต้องเลือกเครื่องที่สามารถฟอกอากาศได้ทั่วทั้งห้อง ยิ่งห้องใหญ่ก็ต้องเลือกเครื่องที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกขนาดใหญ่ในห้องที่มีขนาดเล็กก็จะเป็นการกินไฟโดยใช่เหตุ

2. ดูค่า CADR
ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate คือค่าเปลี่ยนถ่ายอากาศ วัดจากปริมาณอากาศทั้งหมดที่เครื่องฟอกอากาศฟอกได้ใน 1 นาที มีหน่วยเป็น CFM ที่ย่อมาจาก Cubic Feet per Minute ซึ่งเครื่องจะแสดงผลเป็น 3 ตัวเลข คือตัวเลขจากอัตราการทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อัตราการทำความสะอาดที่มีเกสรดอกไม้ และอัตราการทำความสะอาดที่มีควันบุหรี่ ยิ่งตัวเลขเหล่านี้มีค่าสูง ก็แปลว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานได้ดี ดังนั้นเวลาเลือกซื้อ ควรเลือกรุ่นที่มีค่า CADR ระบุชัดเจนและมีตัวเลขที่สูง

3. ดูค่า Air Flow
ค่า Air Flow หรือ Air Volume คือตัววัดความเร็วลม โดยเครื่องจะฟอกอากาศได้ดีก็ต่อเมื่อมีความเร็วลมที่สูง ดังนั้นควรเลือกซื้อเครื่องที่มีค่า Air Flow สูงนั่นเอง ทั้งนี้มีเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นที่มีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นและปรับความเร็วลมได้โดยอัตโนมัติด้วย

4. ดูระบบการทำงาน
ระบบที่ควรจะมีในเครื่องฟอกอากาศเช่น ระบบที่ปรับความเบา-แรงของเครื่องได้โดยอัตโนมัติ ระบบตั้งเวลาเปิดปิดเครื่อง เป็นต้น เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มากขึ้น แต่ก็ควรดูระบบเสริมอื่นๆ ด้วย เช่น เซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ PM 2.5 ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง เป็นต้น

5. ดูไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่น
ไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่นเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากในเครื่องฟอกอากาศ เพราะเป็นเหมือนปราการด่านแรกที่ช่วยดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรกเอาไว้ ถ้าต้องการให้เครื่องมีประสิทธิภาพมาก ไส้กรองฝุ่นก็ต้องมีความละเอียดมาก เพราะจะดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้มากขึ้น ซึ่งสามารถแยกความละเอียดได้หลายระดับ เช่น HEPA, Tru HEPA, ULPA

6. เสริมประสิทธิภาพด้วยแผ่นกรองคาร์บอน
หากต้องการความสามารถในการดักจับสิ่งสกปรกพร้อมกับขจัดกลิ่นได้ ต้องเลือกเครื่องที่มีแผ่นคาร์บอนสำหรับการดูดซับกลิ่นด้วย ซึ่งเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นทุกรุ่นนั้นมีฟิลเตอร์กรองกลิ่น Deodorizing Filter ที่สามารถยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

7. ฆ่าเชื้อโรคได้ยิ่งดี
เครื่องฟอกอากาศที่ฆ่าเชื้อโรคได้ คือเครื่องที่มีเทคโนโลยีการสร้างประจุไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา สารเคมีอันตราย และสารก่อภูมิแพ้ได้ ทำให้อากาศที่ฟอกออกมามีความบริสุทธิ์ ปลอดภัยยิ่งขึ้น

8. ดีต่อผิวด้วยระบบทำความชื้น
เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบทำความชื้นจะทำให้ผิวไม่แห้ง รู้สึกสดชื่น ถ้าเปิดใช้งานเวลานอนก็จะช่วยให้ตื่นมาแล้วคอไม่แห้ง

9. ระดับเสียงต้องไม่รบกวนสมาธิ
การทำงานของเครื่องควรมีระดับเสียงความดังที่ไม่รบกวนสมาธิ ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการนอนหลับพักผ่อน โดยระดับเสียงที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 30-31 เดซิเบล 

10. คำนึงล่วงหน้าถึงเรื่องอะไหล่
เครื่องฟอกอากาศไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่มีอายุการใช้งานจำกัด ดังนั้นควรคำนึงถึงอะไหล่เอาไว้ด้วย ว่าสามารถหาซื้อได้ง่าย และมีราคาที่เหมาะสมหรือไม่ โดยอะไหล่ที่สำคัญที่สุดคือไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่นที่ต้องมีการเปลี่ยนใหม่ตามอายุการใช้งาน

 

10 มกราคม 2567

ผู้ชม 1186 ครั้ง

Engine by shopup.com